รู้หรือไม่ ในการซื้อบ้าน 1 หลังนั้น นอกจากค่าบ้านแล้วยังจะมีค่าภาษีและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ อีกหลายรายการที่จะต้องจัดการ ซึ่งโดยปกติแล้วธนาคารจะปล่อยสินเชื่อให้ราว ๆ 85-95% เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วเรายังจะต้องเตรียมเงินส่วนต่างไว้ประมาณ 10-20% ดังนั้นภัทรีดาจึงจะมาเล่าให้ฟังถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งหมดในการซื้อบ้าน โดยเป็นข้อมูลอัปเดตปี 2565 แล้ว ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 4 ส่วนหลัก ๆ คือค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กับโครงการบ้าน ค่าใช้จ่ายในการขอสินเชื่อ ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กับกรมที่ดิน และค่าประกันต่าง ๆ
ค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้กับโครงการบ้าน แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ- ค่าจองและค่าทำสัญญา คือ เงินส่วนที่เราต้องจ่ายให้โครงการเมื่อเราเลือกบ้านที่ถูกใจได้แล้ว เพื่อทำการจองบ้านหลังนั้น ๆ จากนั้นต้องจ่ายค่าทำสัญญาภายใน 7 วัน ซึ่งรวมแล้วค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 5,000 บาทขึ้นไปและเพิ่มขึ้นตามราคาหรือข้อกำหนดของแต่ละโครงการ
- เงินผ่อนดาวน์ ในกรณีที่โครงการยังอยู่ในระหว่าง เราจะต้องผ่อนดาวน์อย่างน้อย 5-10% ของราคาขาย ซึ่งการผ่อนช่วงนี้จะยังไม่มีดอกเบี้ยเกิดขึ้น เพราะเป็นการผ่อนกับโครงการโดยตรงตามจำนวนเดือนก่อนที่โครงการจะเสร็จ หากเรากู้ไม่ผ่าน เราสามารถขอเงินส่วนนี้คืนได้ แต่หากเราเปลี่ยนใจอยากย้ายโครงการ เจ้าของโครงการเดิมมีสิทธิ์ยึดเงินก้อนนี้ สำหรับโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว ทางโครงการอาจจะไม่มีการจ่ายเงินผ่อนดาวน์เลย แต่จะมีการนัดวันโอนกรรมสิทธิ์ในทันที ทั้งนี้ขึ้นอยู่เงื่อนไขและข้อตกลงของแต่ละโครงการ
- ค่าใช้จ่ายเมื่อเข้าอยู่อาศัย โดยจะแบ่งออกเป็นค่าส่วนกลางและค่าติดตั้งและประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟ สำหรับค่าส่วนกลางจะคิดพื้นที่ของบ้านโดยใช้หน่วยเป็นตารางวา โดยส่วนใหญ่จะมีการเรียกเก็บเป็นรายปี และทางโครงการมักจะขอเก็บล่วงหน้า 2-3 ปีในวันโอนกรรมสิทธิ์ สำหรับค่าติดตั้งและประกันมิเตอร์น้ำ-ไฟจะขึ้นอยู่กับขนาดของมิเตอร์น้ำและไฟ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดของการประปาและการไฟฟ้าที่รับผิดชอบในพื้นที่นั้น ๆ
- ค่าธรรมเนียมยื่นกู้หรือค่าให้บริการสินเชื่อ จะอยู่ที่ 0-1% ของวงเงินกู้ ซึ่งบางธนาคารอาจจะมีการเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมส่วนนี้หรือคิดรวมค่าสำรวจและประเมินราคาหลักประกัน ขึ้นอยู่กับการตกลง
- ค่าสำรวจและประเมินราคาหลักประกัน อยู่ในอัตรา 0-0.5% ของราคาประเมินสินทรัพย์ แล้วแต่ธนาคารและข้อตกลงระหว่างโครงการกับธนาคาร
- ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ เราจะต้องจ่ายธรรมเนียม 2% ของราคาประเมิน โดยในปี 2565 นี้ทางรัฐมีมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์เหลือ 0.01% สำหรับบ้านหรือคอนโดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีผลถึง 18 ธันวาคม 2565
- ค่าจดจำนอง คิดเป็น 1% ของวงเงินกู้ ซึ่งในปี 2565 นี้ทางรัฐมีมาตรการลดค่าจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับบ้านหรือคอนโดราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีผลถึง 18 ธันวาคม 2565 หากใครซื้อเงินสด ไม่ได้มีการกู้หรือขอสินเชื่อ จะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
- ค่าอากร 0.5% ของราคาซื้อขาย
- ค่าประกันอัคคีภัย เป็นประกันในส่วนที่กฎหมายบังคับให้เราต้องซื้อกรมธรรม์นี้ ซึ่งจะคุ้มครองในกรณี เช่น ฟ้าผ่า ไฟฟ้าลัดวงจร แก๊สรั่วจนเกิดไฟไหม้ โดยจะเป็นประกันที่คุ้มครองระยะสั้น 1-3 ปี เบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับแต่ละแผนคุ้มครอง หรือไม่เกิน 0.1% ของวงเงินคุ้มครอง ซึ่งแนะนำให้ซื้อแผนที่มีวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 70% ของราคาบ้าน
- ค่าประกันสินเชื่อบ้าน จริง ๆ แล้วประกันในส่วนนี้ไม่ได้บังคับให้ทำ ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคน ซึ่งการซื้อประกันสินเชื่อบ้านจะเหมือนการซื้อประกันชีวิต หากผู้ขอสินเชื่อหลักเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรจนไม่สามารถผ่อนบ้านต่อได้ บริษัทจะคุ้มครองตามวงเงินกู้นั้น ๆ ทำให้ภาระหนี้สินไม่ตกไปอยู่ที่ครอบครัวหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแบบเต็ม ๆ